การมีเป้าหมายที่ดีทำให้เราใช้ทุกเวลาอย่างมีคุณค่า
.
หมุยเชื่อว่าการทำอะไรอย่างเต็มที่ และใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และไม่หยุดที่จะพัฒนา ซึ่งเมื่อโอกาสเข้ามา เราก็พร้อมและสิ่งนั้นก็จะอยู่กับเราในระยะยาว
.
เมื่อหมุยเรียนจบ หมุยเลือกที่จะเดินออกจากบ้าน หางานทำ ไม่สานต่อกิจการครอบครัว หมุยแค่อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงอย่างเราก็ทำได้ เราสามารถยืนได้ด้วยตัวของตัวเอง และมีกิจการเป็นของตนเองได้ โดยเริ่มหางานที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียนจบมา คือ ด้านการตลาด เป็นเจ้าหน้าที่การตลาดทั่วไป และก็หาสิ่งอื่นๆทำเพิ่มเติม
หมุยทำงาน 7 วัน ไม่มีวันหยุด เพื่อค้นหาว่าตัวเองถนัดอะไร ชอบอะไร เพราะคิดแค่ว่าหากเราเริ่มจากการทำในสิ่งที่เรารัก เราจะทำสิ่งนั้นได้ดี หมุยเสียเวลาไปค้นหาว่าสิ่งที่ชอบคืออะไร แต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะใช่คำตอบที่เราต้องการจริงหรือไม่
.
หมุยกลับมานั่งทบทวนกับตัวเองว่าได้หลงลืมอะไรบางอย่างไป ความฝันที่เราอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง หมุยเลยเริ่มกลับมา focus และตั้งเป้าหมายแรกอย่างจริงจัง คือ เปิดบริษัทของตัวเองตอนอายุ 35 ปี เริ่มกลับมามองว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม ต้องพัฒนาอะไรจึงจะไปยังสิ่งที่เราตั้งไว้ จนมีจังหวะได้เปิดบริษัทแรกตอนอายุ 25 ปี ตอนนั้นภาคภูมิใจว่าได้ทำสิ่งที่ฝันไว้สำเร็จและเร็วกว่าที่คิดไว้มาก แต่ก็ทำได้ไม่นานก็ปิดตัวลง เพราะความไม่รู้อะไรหลายๆอย่าง บทเรียนครั้งนั้นทำให้ได้รู้ว่า การที่เราเดินไปให้ถึงความฝันนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่มีเป้าหมายและลงมือทำ แต่การรักษาความฝันและทำให้เติบโตในระยะยาวนั้นยากกว่า
.
หมุยเริ่มกลับมาตั้งเป้าหมายใหม่ และเพิ่มรายละเอียดให้ชัดขึ้น รอบนี้ไม่ใช่แค่มีบริษัทเป็นของตัวเอง แต่เราอยากมีหลายๆบริษัท มีพนักงานเก่งๆทำงานกับเรา ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จัก ในครั้งนี้จังหวะและโอกาสเข้ามาอีกครั้ง หมุยได้มีโอกาสเปิดบริษัทของตัวเอง (ด้านการตลาด) พร้อมกับเข้ามาบริหารบริษัทที่ไม่ชอบไปด้วยพร้อมๆกัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (สำนักงานบัญชี)
.
เมื่อได้เริ่มมาบริหารธุรกิจสำนักงานบัญชี ด่านแรกที่ต้องก้าวข้ามให้ได้ คือ ก้าวผ่านคำว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะในความเป็นจริง เราอาจเลือกทำแต่สิ่งที่เราชอบไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้เรามีความสุขในสิ่งที่เราต้องทำ
.
หมุยค่อยๆเริ่มจากการนำประสบการณ์ที่มี เอาความรู้ทางการตลาดมาสร้างความแตกต่างในธุรกิจ มองหาความต้องการของลูกค้า หาจุดแข็ง ปรับจุดด้อย เพื่อให้เราหาจุดที่แตกต่าง และเริ่มที่จะสร้างแบรนด์บริษัทบัญชีให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง
.
ตลอดเวลาที่ทำงาน และทำใจให้ต้องรักในสิ่งที่ทำแล้ว หมุยพบว่าวิชาชีพนี้ต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา หมุยจึงเริ่มเรียนด้านกม.ภาษีเพิ่มเติม เรียนบัญชีใหม่ และด้านอื่นๆในสายงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยในการทำงานให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าและนักบัญชีได้ดีขึ้น
.
จากนักการตลาดที่มาทำธุรกิจ และเข้าสู่วงการวิชาชีพเฉพาะอย่างบัญชี ทำให้หมุยได้ปลดล็อค mindset ต่างๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างก้าวกระโดด และตอกย้ำความเชื่อเดิมที่ว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ อยู่ที่ว่าเราจะทำสิ่งนั้นหรือไม่ ขอแค่เปิดใจที่จะเรียนรู้
.
มาวันนี้เป้าหมายที่สองที่ได้วางไว้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว เป้าหมายต่อไป หมุยอยากที่จะสร้างความสำเร็จในธุรกิจให้มากขึ้น balance เรื่องครอบครัวให้มีความสุข พร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ที่มีให้กับน้องๆ คนรุ่นใหม่ๆต่อไป