อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดแบบรายงานเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ในมาตรา 71 ตรี วรรคหนึ่ง ดังนี้
1.ให้แบบรายงานประจำปีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form) ที่แนบท้ายประกาศนี้ เป็นแบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
2.แบบรายงานประจำปีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form) ตามข้อ 1 ให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลพิมพ์จากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร www.rd.go.th ในการยื่นกับสรรพากร
3.ประกาศนี้ให้บังคับใช้สำหรับการยื่นแบบตามข้อ 1 ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป
มาดู มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอน กันมั่งนะคะ
ประมวลรัษฎากร กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันที่มีรายได้เกินกว่ารายได้ขั้นต่ำตามจำนวนที่จะกำหนดในกฎกระทรวงต้องจัดทำเอกสาร โดยเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่คาดว่าจะกำหนดในกฎกระทรวง (ในปัจจุบันกฎกระทรวงยังไม่ออก) คือรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทต่อปีภาษี ซึ่งคาดว่ากรมสรรพากรจะใช้เกณฑ์รายได้รวมตามงบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นเกณฑ์
ประมวลรัษฎากรได้กำหนดสิ่งที่ต้องจัดทำไว้ 2 เรื่อง คือ
1.การเปิดเผยข้อมูลพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี คือให้จัดทำรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันในรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด และยื่นต่อเจ้าพนักงานประเมินพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปีภายใน 150 วันนับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ทั้งนี้รูปแบบรายงานหรือแบบฟอร์ม กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยกรมสรรพากรซึ่งคาดว่าจะเป็นแบบฟอร์มสั้นๆ เพื่อให้ผู้เสียภาษีกรอกและยื่นทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งข้อมูลในแบบฟอร์มดังกล่าวจะเป็นข้อมูลที่กรมสรรพากรใช้ในการประเมินราคาโอนของผู้เสียภาษีเบื้องต้น ในอาเซียน ประเทศที่มีกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดราคาโอนได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และไทย แต่ยกเว้นเพียงสิงคโปร์ที่ไม่มีการกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี
2.เอกสารราคาโอน คือเอกสารหรือหลักฐานแสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับวิเคราะห์การกำหนดราคาโอนของธุรกรรมระหว่างกันตามที่อธิบดีประกาศกำหนด และนำส่งกรมสรรพากรเมื่อได้รับหนังสือแจ้งให้นำส่ง โดยผู้ได้รับแจ้งต้องปฏิบัติตามภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถปฏิบัติได้ อธิบดีจะขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปก็ได้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
ทั้งนี้ตามข้อเสนอขององค์การเพื่อความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) ภายใต้แผนปฏิบัติการโครงการป้องกันการถูกกัดกร่อนฐานภาษีและการโอนกำไรไปต่างประเทศ (Base Erosion and Profit Shifting: BEPS) โดยมาตรการ 13 ของ BEPS เรื่องราคาโอนได้มีการเสนอเอกสารเป็น 3 ระดับ คือ เอกสารราคาโอนภายในประเทศ (Local file) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมของกิจการในประเทศนั้นๆ เป็นรายเฉพาะเจาะจง เอกสารราคาโอนของกลุ่มบริษัท (Master file) เพื่อให้ข้อมูลในภาพรวมของกลุ่มบริษัท รวมถึงลักษณะการประกอบธุรกิจ การกำหนดราคา การจัดสรรรายได้ และ รายงานระหว่างประเทศ (CbCR) เพื่อแสดงรายการเกี่ยวกับรายการระหว่างกันในกลุ่มในภาพรวมของกิจการทั่วโลกแยกเป็นรายกิจการและแยกเป็นรายประเทศแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสรรรายได้ จำนวนภาษีที่จ่าย ทั้งนี้เอกสาร Master file และ CbCR จะต้องจัดทำโดยบริษัทแม่ ในขณะที่ Local file จะจัดทำเป็นรายบริษัท
มาดูตัวอย่างแบบรายงานมาตรา 71 ทวิกันนะคะ
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเหล่าผู้ประกอบการทุกท่านก็อย่าลืมยื่นแบบรายงานดังกล่าวให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กรมสรรพากรกำหนดนะคะ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมนะคะ แล้วพบกับข่าวสารและบทความดีๆ จาก AccRevo อีกในครั้งถัดไปนะคะ